Ambient คำๆนี้มีรากศัพท์มาจากคำว่า"Ambire"เป็นภาษาลาติน แปลว่า"โดยรอบ"(To Surround) หรือสิ่งที่อยู่โดยรอบ

Ambient Music  ​โดยทั่วไปมักจะใช้เสียงสังเคราะห์จากSynthesize หรือเสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆ

ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะมีทำนองช้าๆเนิบๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่บางครั้งจะมีการผสมเสียงธรรมชาติเข้าไปในบทเพลง

เช่น เสียงน้ำไหล เสียงรถ เสียงคนเดิน  เพื่อทำให้เกิดการผ่อนคลาย

​

ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพของAmbient Musicได้ง่ายๆ

ลองนึกถึงภาพห้องเปล่าๆ สองห้อง ที่มีเครื่องเสียงหนึ่งชุดตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ห้องหนึ่งเปิดเพลงเมทัลดังสนั่น อีกห้องเปิดเพลงแอมเบียนต์เบาๆ ไม่ว่าเราจะตั้งใจฟังหรือไม่ก็ตาม เสียงเพลงเมทัลก็จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเกือบทั้งหมดที่เรามีต่อห้องแรกไปหามัน ด้วยความดังของเสียงและสไตล์ดนตรีที่ดุดัน แต่ในขณะเดียวกัน เสียงเพลงแอมเบียนต์ในห้องที่สองอาจจะทำให้เราสนใจในเสียงนั้นชั่วครู่ ก่อนที่จะเริ่มพิจารณาถึงองค์ประกอบของห้องว่ามีอะไรบ้าง เป็นอย่างไรบ้าง และเสียงเพลงแอมเบียนต์ก็จะถอยกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศโดยรวมของห้อง แต่หากเราจะตั้งใจฟังเพลงแอมเบียนต์เพลงนั้น ก็เหมือนกันเรากำลังตั้งใจพินิจพิจารณาถึงบรรยากาศโดยรวมของห้องเช่นกัน

​

เพราะฉะนั้นAmbient Music จึงเป็นแนวดนตรีที่เปิดกว้างทางแนวคิดและการรับฟังของผู้ฟังเป็นอย่างมาก ผู้ฟังสามารถเลือกได้เลยว่าจะรับรู้ถึงแนวดนตรีนี้ได้ในระดับไหน  ไม่ว่าจะตั้งใจฟัง ไม่ตั้งใจฟัง ฟังผ่านๆ ผู้ฟังสามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง